Posted in Interview

[INTERVIEW] หลังจากผ่านไป 6 ปี แทยังเริ่มต้นบทเพลงใหม่ที่แสนยอดเยี่ยม “VIBE” ร่วมกับจีมินจาก BTS (Jan 12, 2023)

บทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟครั้งนี้ ศิลปินระดับโลกอย่างแทยังได้พูดถึงการกลับมาทำเพลง อัลบั้มใหม่ที่กำลังทำ รวมถึงสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้

หลังจากที่หยุดพักไปถึง 6 ปี ในที่สุดแทยังก็กลับมา โดยเขาได้เริ่มยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้นในเส้นทางการเป็นศิลปินด้วยเพลงรักจังหวะสนุกๆ “Vibe” ที่ได้จีมินจาก BTS มาร่วมเพลงด้วย และเพลงนี้เป็นเพียงคำใบ้จากเพลงทั้งหมดที่กำลังจะเปิดเผยในอนาคต

แทยังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในเกาหลีใต้เนื่องจากเป็นหนึ่งในสมาชิกรุ่นบุกเบิกของบอยแบนด์ในวงการเคป๊อปอย่าง BIGBANG ซึ่งในปี 2012 ได้ปล่อยอัลบั้ม Alive อัลบั้มภาษาเกาหลีอัลบั้มแรกที่สามารถเดบิวท์เข้าสู่ชาร์ท Billboard 200 ในปี 2010 แทยัง หรือ ดงยองเบ ได้ปล่อยอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของเขาในชื่อ Solar ที่มีเพลงฮิตอย่าง “Wedding Dress” อัลบั้มเดี่ยวชุดที่สองของเขา Rise ได้สร้างกระแสอีกครั้งในปี 2014 และได้กลายเป็นกลายเป็นอัลบั้มเคป๊อปที่มีชาร์ตสูงสุดโดยศิลปินเดี่ยวใน Billboard 200 รวมถึงเพลง “Eyes, Nose, Lips” ก็กลายเป็นเพลงฮิตเช่นกัน แต่แฟนๆต่างตั้งตารอและให้ความสนใจเพลงใหม่เป็นอย่างมาก เมื่อปี 2017 แทยังได้ปล่อยอัลบั้มเดี่ยวล่าสุด White Night ก่อนที่จะเข้ากรมในการปฏิบัติหน้าที่ในปี 2018 ที่เกาหลีใต้

โชคดีที่แทยังไม่ปล่อยให้แฟนๆที่ติดตามผลงานต้องรอคอยอีกต่อไป ในวันที่ 13 มกราคม เขาได้ปล่อยเพลง “Vibe” ที่มีจังหวะสนุกสนานและเร้าใจ ที่ทำให้ผู้ฟังอยากลุกขึ้นเต้นในทันที เป็นเพลงที่แสดงความแตกต่างของเพลง R&B ที่เขาคุ้นเคย และบางครั้งก็ให้ความรู้สึกย้อนอดีตและทันสมัยในเวลาเดียวกันอีกด้วย นอกเหนือจากนี้ เพลงนี้ยังได้จีมินจาก BTS ที่รู้จักกันในฐานะศิลปินมากความสามารถที่ร้องและเต้นได้เช่นเดียวกับแทยัง การทำเพลงร่วมกันระหว่างสมาชิกวง BIGBANG และ BTS เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว

หนึ่งวันก่อนปล่อยเพลง “Vibe” Rolling Stone มีโอกาสได้พบแทยังที่ย่านฮับจองในโซล นั่งพูดคุยกันในออฟฟิศของ THEBLACKLABEL ค่ายที่เขาเพิ่งเซ็นสัญญา ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ YG Entertainment ที่ถือเป็นบ้านเก่าแก่ของเขา แทยังเผยการทำงานเพลงของเขาร่วมกับจีมินที่เกิดขึ้น รวมถึงได้แชร์เรื่องเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเข้ากรมในปี 2019 ช่วงสุดท้ายของการสนทนา เขาได้ชี้ไปยังสร้อยข้อมือ Chrome Hearts Rolling Stones ที่เขาสวมอยู่ “นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่สมาชิกในวงซื้อให้ผม” เขาใส่สร้อยเส้นนี้เพื่อฉลองการสัมภาษณ์ของเขากับ Rolling Stone


ก่อนอื่นเลย ยินดีด้วยนะคะ! มีแฟนๆจำนวนมากที่รอคอยเพลงใหม่นี้ มีช่วงเวลาที่ทำให้คุณตัดสินใจว่าถึงเวลาต้องกลับมาแล้วบ้างมั้ย?

ขอบคุณครับ ผมคิดว่าสิ่งสำคัญในการกลับมาครั้งนี้คือตัวเพลงก็พร้อมแล้วนั่นแหละครับ หลังจากที่ได้ย้ายค่ายจาก YG ไป THEBLACKLABEL ผมก็สามารถทำทุกอย่างที่ได้เตรียมไว้ได้ทันทีครับ

รู้สึกเหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่เลย ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง หนึ่งวันก่อนปล่อยเพลง?

เอาจริงๆนะครับ ทุกครั้งที่วันปล่อยเพลงใกล้เข้ามา ผมคิดว่าผมมีความรู้สึกเหมือนเดิม นั่นคือผมรู้สึกประหม่าและเป็นกังวลมากๆครับ แต่ในทางตรงกันข้าม ผมกลับตื่นเต้นมากๆเมื่อคิดว่าจะได้เจอกับแฟนๆหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมายาวนาน ดังนั้นผมจึงตั้งตารอเลยล่ะครับ

ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าเพลง Vibe” ที่ทำงานร่วมกับจีมิน วง BTS เกิดขึ้นได้อย่างไร? ได้ยินว่าจีมินชื่นชมผลงานของคุณด้วย

ผมได้ยินเรื่องนี้มาสักพักแล้วเหมือนกันครับ แต่พวกเราไม่เคยโปรโมทเพลงชนกันเลยก็เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยครับ จนเมื่อประมาณสองปีก่อน เท็ดดี้ จาก THEBLACKLABEL ได้เข้ามาดูผมทำงาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สมาชิก BTS ไม่ได้ทำกิจกรรมเดี่ยวมากนัก และเท็ดดี้พูดลอยๆขึ้นว่า คิดว่าทุกคนคงจะรู้สึกสนุกถ้าผมกับจีมินร่วมทำเพลงดีๆสักเพลงขึ้นด้วยกัน คำพูดนั้นติดอยู่ในใจผมและผมก็คิดว่าเป็นความคิดที่ดีครับ เลยเก็บความคิดนี้มาตลอด

และเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้พบสมาชิกวง BTS ในงานไพรเวท เราก็เลยได้ทานข้าวด้วยกันครับ และผมก็ได้พบกับจีมินด้วย บทสนทนาไหลลื่นอย่างเป็นธรรมชาติอย่าง “ตอนนี้เรามีเพลงที่อยากทำร่วมกัน นายสนใจมาทำเพลงด้วยกันมั้ย?” แล้วจีมินก็ตอบตกลงครับ หลังจากนั้นเขาเลยมาที่สตูดิโอของเรา เราเล่นเพลงให้เขาฟัง ซึ่งเขาก็ชอบมันมากๆครับ

เริ่มทำเพลง “Vibe” ตอนไหน?

ผมคิดว่าน่าจะเกินสองปีแล้วครับ หลังจากที่ออกจากกรม ผมก็อยู่กับเท็ดดี้ (Teddy) และโปรดิวเซอร์คนอื่นๆอย่าง คุช (Kush) วินซ์ (Vince) และ 24 เท็ดดี้ก็ได้พูดขึ้นมาว่า “มาทำเพลงให้ยองเบกันเถอะ” เราสนุกกับการทำเพลงมาก และนั่นคือที่มาของเพลงและเมโลดี้ครับ เพลงถูกเก็บอยู่อย่างนั้นระยะหนึ่ง และในขณะที่คิดว่าเราจะเอาเพลงนี้มารวมในอัลบั้มเดี่ยวของผมยังไงดี ก็ปิ๊งไอเดียการทำงานร่วมกับจีมินขึ้นมาครับ เราคิดว่า “มันคงจะเท่มากแน่ๆถ้าเราทำงานร่วมกันในเพลงนี้”


ปกติคุณจะไม่ค่อยทำเพลงร่วมกับคนอื่นนอกวง หรือนอกค่ายเลย การทำงานร่วมกับจีมินเป็นอย่างไรบ้าง?

เนื่องจากเราไม่ได้อยู่ในค่ายเดียวกัน แน่นอนว่ามีเรื่องที่เราต้องทำครับ แต่เราทั้งคู่ต่างอยากทำเพลงที่ดีและมิวสิควิดิโอที่ยอดเยี่ยม นั่นคือสิ่งที่เราอยากโชว์ให้ทุกคนเห็นครับ ความรู้สึกนั้นอัดแน่นอยู่ในใจเราทั้งคู่ เราทำงานอย่างหนักและผมคิดว่านั่นคือเหตุผลที่คุณภาพของเพลงและมิวสิควิดิโอของเราออกมายอดเยี่ยมครับ จีมินทุ่มเทความพยายามของตัวเองมากกว่าใครๆ และผมก็รู้สึกขอบคุณมากเลยครับ

ทั้งคุณและจีมินต่างเป็นที่รู้จักถึงสกิลด้านการร้องและการเต้น มีการคิดท่าเต้นด้วยกันบ้างไหม? ตัวอย่างมิวสิควิดิโอที่ออกมาเผยให้เห็นท่าเต้นนิดหน่อยด้วย

ผมคิดว่าท่าเต้นสำหรับเพลงนี้สำคัญมากๆเลยครับ เราไม่ได้คิดท่าเต้นกันเอง แต่เลือกไอเดียที่ได้รับจากนักเต้นมากความสามารถหลายๆคนครับ ซึ่งจากทั้งหมดนั้น เราเลือกท่าเต้นของ ไบลี่ย์ ซ็อก (Bailey Sok) นักเต้นจากอเมริกา เธออายุน้อยมากๆ…แต่กลับทำได้ดีเลย ท่าเต้นยากจริงๆครับ

แชร์ช่วงเวลาสนุกๆจากการถ่ายทำหน่อยได้ไหม?

มีเยอะมาก เลือกยากเลยครับ ผมคิดว่าน่าจะท่าเต้นนะ เป็นเวลานานมากแล้วที่ผมไม่ได้เรียนเต้น ผมมีคลาสเรียนเต้นที่นี่และที่นั่น แต่การฝึกซ้อมโดยไม่มีเป้าหมายชัดเจนเป็นเรื่องยากกว่าที่ผมคิดไว้ครับ ขั้นตอนการเรียนรู้ท่าเต้นใหม่สำหรับเพลงใหม่ เพราะไม่ได้ทำนานมากๆแล้ว ก็เลยรู้สึกไม่ชินครับ แม้กระทั่งจีมิน เนื่องจากสไตส์การเต้นต่างจากที่เขาเคยเต้น เราทั้งคู่จึงมีช่วงเวลาที่ยากลำบากครับ (หัวเราะ) เราพูดติดตลกกับตัวเองอย่าง “เราแปลกไหม? หรือเพราะท่าเต้นมันยากจริงๆ?” ซึ่งเราทั้งคู่อยากทำมันออกมาให้ดี จึงต้องใช้เวลาพักใหญ่เลยล่ะครับ

 

 

หมายความว่า เราจะได้เห็น Dance Challenge ใช่ไหม?

ผมคิดว่าตอนนี้ เราทั้งคู่ซ้อมกันหนักมาก ตอนนี้เลยอยู่ในจุดที่โอเคแล้วครับ

ในโปสเตอร์ทีเซอร์เผยให้เห็นว่าคุณมีส่วนร่วมในการแต่งเพลงและเขียนเนื้อร้อง เนื้อเพลงท่อนไหนใน “Vibe” ที่คุณชอบเป็นพิเศษ?

โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบเนื้อเพลงทั้งหมดครับ ผมคิดว่าเพราะเราทำเพลงโดยรู้ว่าธีมของเพลงนี้คือคำว่า “Vibe” ครับ ผมคิดอย่างลึกซึ่งว่าเพลงนี้หมายถึงอะไร ในภาษาเกาหลี คำว่า “Vibe” เริ่มโด่งดังและเป็นที่นิยมผ่านทางรายการ “Show Me the Money” แต่นอกเหนือจากนั้น ผมรู้สึกเชื่อมต่อกับความหมายของคำนี้อย่างลึกซึ้งจริงๆครับ ความรู้สึกที่ดีสามารถเกิดจากพลังงานหรือแรงบันดาลใจที่คุณได้รับจากสิ่งที่รัก หรือเกิดจากความกลมกลืนของคู่รักมากกว่าการอยู่เพียงลำพังก็ได้ ผมคิดว่ามันอาจจะมีความหมายแบบนั้น และจึงกลายเป็นที่มาของเนื้อเพลงมากมายครับ

ตอนนี้ ความหมายของเพลงในอยู่ในเนื้อร้องครับ ท่อน “ปลายทองฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด Twilight, Just gets better*” ผมคิดว่าเนื้อเพลงนั้นเข้ากับ (ความรู้สึก) “Vibe” ในตอนนี้ของผมเลย มีบางเวลาที่ยากลำบากในอดีตที่ผมไม่ได้พบปะแฟนๆเป็นเวลานาน ด้วยเพลง “Vibe” ผมคิดว่าเวลาพบปะแฟนๆของผมกำลังเริ่มขึ้นครับ

*Note: คำแปลจากมิวสิควิดิโอในยูทูปค่ะ

ฉันอ่านมาว่าเพลง Eyes, Nose, Lips” คือ หัวใจสำคัญในการปล่อยอัลบั้ม Rise ถ้าอย่างนั้น เพลง Vibe” ก็จะมีบทบาทสำคัญเช่นเดียวกันกับอัลบั้มที่กำลังทำนี้ไหม?

อ่า อัลบั้มนั้นประสบความสำเร็จจากเพลง “Eyes, Nose, Lips” จริงๆแหละครับ ผมได้ทำอัลบั้มและตอนนั้นเรายังไม่มีเพลงหลักในอัลบั้ม แต่เพราะเรามีเพลง “Eyes, Nose, Lips” เราเลยสามารถปล่อยอัลบั้มได้ครับ ผมทำอัลบั้มถัดไปหลังจากออกจากกรมเรื่อยมาครับ “Vibe” คือเพลงหนึ่งที่ได้มาจากการทำงานช่วงนั้น และเราก็ไม่ได้มีแพลนตั้งแต่แรกว่าอยากร่วมงานกับใครหรือจะทำโปรเจคนี้ไปในทิศทางไหน แต่เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่กำลังทำอัลบั้มนั้น ไอเดียมากมายก็ผุดขึ้นมาครับ อย่างทำงานร่วมกับจีมิน… “Vibe” จึงเป็นเพลงแรกที่เผยออกมาก่อนครับ ผมกำลังทำเพลงอื่นๆในอัลบั้มด้วยเช่นกัน

ในอินสตราแกรม เพื่อนร่วมวงอย่าง G-Dragon (ควอนจียง) ได้แสดงการสนับสนุนเพลงใหม่ของคุณ ปฏิกิริยาของเขาเป็นอย่างไรเมื่อได้ยิน “Vibe” ครั้งแรก?

จริงๆจียงมาที่เซ็ทมิวสิควิดิโอและมาให้กำลังใจผมเยอะมากๆเลยล่ะครับ ผมที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของวง เป็นหนึ่งในซับยูนิตอย่าง GDxTAEYANG เลยยังไม่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับศิลปินคนอื่นนอกค่ายมากนัก เป็นเรื่องใหม่สำหรับผมมากๆ แต่จียงก็มาให้กำลังใจผมและบอกว่าเพลงนี้มันยอดเยี่ยมจริงๆ เขาคอยดูมอนิเตอร์ในเซ็ทและคอยชี้นู่น ชี้นี่ และให้คำแนะนำเยอะแยะเลยล่ะครับ


ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับอัลบั้มใหม่ของคุณมากนัก แต่เมื่อมันถูกเปิดเผยแล้ว คุณอยากทำอัลบั้มแบบไหน?

ผมคิดว่าอัลบั้มนี้จะเป็นการรวมช่วงเวลาที่ผ่านมาของผมจนถึงตอนนี้ครับ โดยเฉพาะแฟนๆที่รอคอยมาอย่างยาวนาน มันจะรวมความคิดที่ผมมีรวมถึงความรู้สึกที่ผมมีด้วย ดังนั้นผมหวังว่าความรู้สึกของผมเหล่านั้นจะส่งผ่านไปในอัลบั้มนี้นะครับ

เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมออกอัลบั้ม ผมจะกำหนดธีมให้เข้ากับความหมายของชื่อผม (แทยัง หมายถึง พระอาทิตย์ ในภาษาเกาหลี) ซึ่งอัลบั้มนี้ก็เช่นกัน ผมคิดถึงพระอาทิตย์ตกและมองมันเป็นแรงบันดาลใจ อย่างเวลาตะวันลาลับขอบฟ้า ก็จะมีสีต่างๆมากมาย สี่ปีที่ผมได้ทำอัลบั้มนี้คือเวลาที่ผมจะกลับไปที่จุดเริ่มต้นและความคิดแรกของผมตอนได้เริ่มทำอัลบั้มครั้งแรก ผมหวังว่าอัลบั้มนี้จะสื่อถึงความตั้งใจเดิมของผมที่มีในตอนแรกครับ

อย่างที่คุณพูด ไม่นานมานี้คุณได้พบปะกับแฟนๆ คุณได้เข้าร่วมงานแสดงศิลปะและไพรเวทปาร์ตี้บางงานมาบ้าง แต่ฉันอยากรู้ว่าคุณใช้เวลาไปกับอะไรอีกบ้าง

ผมมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้านครับ ผมชอบอยู่บ้าน อย่างที่คุณรู้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด เราจึงไม่สามารถออกไปไหนได้มากนัก ปกติผมจะอยู่บ้านบ่อยๆอยู่แล้ว แต่ผมคิดว่าที่ผมติดบ้านก็เพราะเหตุผลนั้นด้วยแหละครับ ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับครอบครัว ผมเคยโพสรูปพวกนั้นบ่อยๆก่อนที่ผมจะลบโพสในอินสตราแกรมไปเมื่อเร็วๆนี้ครับ แต่ผมชอบไปเดินเล่นนะ ผมจะไปภูเขานัมซานหรือไม่ก็ภูเขาอื่นๆเพื่อเดินเล่น ตอนอยู่บ้าน ผมชอบอ่านและเขียนหนังสือ ผมใช้เวลาส่วนใหญ่แบบนั้นล่ะครับ

ช่วงนี้ฟังเพลงแนวไหนอยู่ เพลงไหนหรือศิลปินคนใดที่สร้างแรงบันดาลใจ?

ช่วงนี้ผมฟังเพลงเก่าๆเยอะมากเลยครับ ถ้าต้องเลือกมาหนึ่งเพลง…ขอดูก่อนนะครับ (ไถมือถือ) มีเพลงเยอะแยะเลย ผมควรจะเลือกสักเพลงใช่ไหม?

แนะนำมากกว่าหนึ่งเพลงก็ดีนะคะ

ผมฟังเพลงเก่าๆเยอะมาก อย่างเพลง “Lift Me Up” ของ Yes เพลงนี้เป็นอีกเพลงหนึ่งที่โด่งดังมากๆ แต่เพลง “Lean On Me” ของ Bill Withers…หรือ “Down to Earth” ของ Stevie Wonder ก็เช่นกัน มีเยอะแยะเลยล่ะครับ นอกจากนี้ผมยังฟังเพลงเกาหลีเก่าๆด้วยครับ

มีหลายอย่างเปลี่ยนไปจากครั้งสุดท้ายที่คุณปล่อยอัลบั้มเดี่ยว อย่างความนิยมในการทำ Dance Challenge นอกจากนี้คุณยังได้มีการเปิดแอคเคาท์ใหม่ๆเพื่อสื่อสารกับแฟนๆ หลังจากที่ได้สังเกตการณ์วงการบันเทิงในขณะช่วงพักงาน อยากลองทำอะไรตอนกลับมาบ้าง?

เอาจริงๆนะครับ ผมยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นอย่างกระตือรือร้นสักเท่าไหร่ ผมตั้งใจทำเพลงเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นถึงผลงานที่ยอดเยี่ยมครับ ผมคิดว่าระหว่างที่ผมพักงานไป ผมก็สังเกตว่าวัฒนธรรมต่างๆเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน มีแพลทฟอร์มใหม่ๆเกิดขึ้นตอนนี้ ผู้คนเริ่มเสพคอนเทนท์ผ่านทางช่องทางใหม่ๆ ผมคิดว่าผมยังไม่ได้เริ่มศึกษาเรื่องพวกนี้อย่างจริงจังเลยครับ และผมก็อยากทำเพลงใหม่รวมถึงอัลบั้มใหม่ให้ดีครับ ผมคิดกับตัวเองว่า “ผมต้องทำให้ดี ผมต้องเตรียมตัวให้พร้อม”

 

คุณได้กลับไปดูวิดิโอหรือฟังเพลงเก่าๆบ้างไหม? รู้สึกอย่างไรบ้างตอนได้มองย้อนกลับไป?

เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ผมได้กลับไปดูวิดิโอเก่าๆ และเริ่มตำหนิและเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำไปครับ แต่ตอนนี้ผมใจกว้างและให้อภัยมากขึ้นครับ  อย่าง “ดูสิ เคยมีช่วงเวลาแบบนั้นด้วยเนอะ… มีจุดแข็งบางอย่างที่ฉันอาจไม่มีในตอนนี้ด้วยนะ” ผมเลยรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นตอนหันกลับมามองตัวเองในปัจจุบันครับ สิ่งที่ผมขาดหายไปในตอนนั้น แต่ถ้าคุณมองดีๆแล้วล่ะก็ มันก็คือสิ่งที่หล่อหลอมให้เป็นผมในทุกวันนี้ครับ

ผมเคยไม่อยากดูคอนเทนท์เก่าๆและรู้สึกอับอายครับ ผมพยายามไม่ดูวิดิโอเก่าๆเท่าไหร่ ผมเคยไม่ดูมันในอดีต แต่ตอนนี้ผมคิดว่าเวลาที่ผมมองย้อนกลับไป ผมคิดถึงหนทางที่จะยกระดับดนตรีและการแสดงของผมในอนาคตด้วย และผมก็ยังมองหาสิ่งต่างๆ และแง่มุมอื่นๆของตัวเองที่ควรทำต่อไปด้วยครับ

จากผลงานเพลงทั้งหมดของคุณ ถ้าต้องเลือกหนึ่งเพลงที่อยู่ในใจมากที่สุด?

มันเปลี่ยนทุกวันเลย จริงๆนะครับ แต่ละเพลงมีความหมายกับผม แต่ถ้าผมจะต้องเลือกสักเพลงหนึ่งตอนนี้ ก็คงเป็น “Vibe” ล่ะครับ เป็นเพลงที่มีความหมายกับผมเป็นพิเศษ ที่ผมพูดอย่างนั้น ก็เพราะว่าเพลงนี้คือจุดเริ่มต้นใหม่ครับ และขั้นตอนการทำเพลงนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ การได้ร่วมงานกับจีมิน เมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นธรรมชาติมากๆครับ ผมสังเกตว่าเพลงออกมาอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่รู้สึกถึงการบังคับ และผมก็รู้สึกประหลาดใจมากๆครับ เป็นเรื่องที่วิเศษมากครับ นอกจากนี้ นี่ยังเป็นเพลงแรกของผมหลังจากที่ย้ายมา THEBLACKLABEL ด้วยครับ เลยยิ่งทำให้เพลงนี้มีความหมายกับผมครับ

มองย้อนกลับไปที่เส้นทางการเป็นศิลปินของคุณ มีความทรงจำหรือช่วงเวลาไหนที่ชื่นชอบไหม?

มองย้อนกลับไปหรอครับ?

ใช่ค่ะ ถึงแม้ฉันจะมั่นใจว่ามีหลายอย่างเลยก็เถอะ (หัวเราะ)

มีหลายอย่างจริงๆครับ (หัวเราะ) ผมคิดได้ว่าตอนนี้ 17 ปีแล้วสินะ ถ้าให้นึกถึงช่วงเวลาที่เจาะจงเลยคงยากครับ ผมขอใช้เวลาคิดหน่อยได้ไหม? มันยากมากเลยที่จะเลือกช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะผมคิดว่ามันคือทุกช่วงเวลาที่ผมมีกับสมาชิกทุกคนครับ นอกจากการทัวร์คอนเสิร์ต หรือการทำอัลบั้ม แต่พลังที่พวกเรามีตอนอยู่ด้วยกัน ความรู้สึก และความเข้าใจที่เรามีให้กัน มันสนุกอยู่เสมอครับ และตอนนั้นพวกเราก็ยังเด็กมากด้วย ความสดใสในตอนนั้น ถ้ามองย้อนกลับไปในตอนนี้ ทุกช่วงเวลานั้นพิเศษและมีค่ามากครับ

ในฐานะที่มีประสบการณ์ทำงานมาอย่างยาวนาน คุณเติบโตขึ้นมากในฐานะศิลปิน คุณรู้สึกถึงการเติบโตของตัวเองไหม?

ผมคิดว่าช่วงเวลาตอนนี้คือส่วนหนึ่งในกระบวนการเติบโตของผมครับ ประสบการณ์มากมายของผมในอดีตทำให้ผมโตขึ้น ผมต้องการบางเวลาที่สามารถมองย้อนกลับไปและไตร่ตรองการเติบโตและข้อบกพร่องของผม การที่ผมคิดแบบนั้น ก็หมายความว่าผมเริ่มเติบโตขึ้นมานิดนึงแล้วสินะ ถึงแม้ช่วงเวลาเหล่านั้นจะเพิ่งเริ่มตอนนี้ ในสถานที่ใหม่ แต่ผมก็ยังสามารถเติบโตได้อีกครับ

 

ใครคือที่ปรึกษาและคอยให้คำแนะนำ

ถึงแม้พวกเขาจะเป็นโปรดิวเซอร์จาก THEBLACKLABEL หรือเท็ดดี้ แต่ผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือการอยู่รอบๆคนที่สาสามารถให้คำปรึกษาและพาเราไปยังเส้นทางที่ถูกต้องได้ครับ เป็นเวลานานมากแล้วที่ผมได้เริ่มอาชีพนี้ในฐานะศิลปิน และผมก็คิดว่ามันเป็นจริงมากขึ้นตามกาลเวลา เมื่อเวลาผ่านไป ในขณะที่โด่งดังและได้รับความรักมากมายจากใครหลายๆคน ผมคิดว่าหลายครั้งที่ผมไม่ฟังสิ่งที่ดีกับตัวเอง แต่เลือกที่จะทำตามในคำพูดดีๆที่ได้ยินมากกว่า อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณหลายๆคนที่อยู่เคียงข้างผมที่คอยบอกในสิ่งที่ถูกต้อง ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ยากจะรับฟัง โปรดิวเซอร์ที่ THEBLACKLABEL และเท็ดดี้คอยให้คำปรึกษาในช่วงเวลาที่ยากลำบากของผมและคอยหาทางออกให้อยู่เสมอครับ

คุณเดบิวท์ในปี 2006 แทยังในปี 2023 ใกล้เคียงกับสิ่งที่คุณคิดไว้ในตอนนั้นหรือเปล่า?

มีบางอย่างใกล้เคียงและหลายอย่างไม่เลยครับ ความจริงที่ว่ามีบางอย่างใกล้เคียงทำให้ประหลาดใจและก็โล่งอกมากครับ ในปี 2006 ก่อนที่ผมจะเดบิวท์ ในฐานะเด็กฝึกหัด ผมมักจะคิดกับตัวเองเสมอ “ฉันจะกลายเป็นศิลปิยระดับโลกให้ได้” (หัวเราะ) ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่ผมคิดแบบนั้นตลอดเลยครับ ในฐานะเด็กฝึกหัด เราจะไม่มีทางรู้อนาคตได้เลย ถ้าเราล้มเลิกไป… ซึ่งมีหลายคนเลยล่ะครับ นอกจากสถานการณ์นั้น ผมมักจะคิดกับตัวเองเสมอว่าผมจะกลายเป็นศิลปินระดับโลกไม่ว่าอย่างไรก็ตาม และผมต้องทำให้มั่นใจว่าการกระทำและความคิดของผมนั้นสอดคล้องกับเป้าหมายนั้น

ผมคิดว่าความคิดนั้นทำให้ผมเป็นผมอย่างทุกวันนี้ครับ นอกเหนือจากนั้น แน่นอนว่ามีหลายๆอย่างเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดมาก่อน แน่นอนว่าผมเคยจินตนาการถึงสิ่งต่างๆเหล่านั้น แต่การที่ต้องแสดงบนเวทีใหญ่ๆ ก็มีหลายครั้งที่ผมไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันครับ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ผมเคยวาดฝันไว้ตอนยังเด็ก ผมรู้สึกดีใจมากครับ อีกทั้งผมยังรู้สึกขอบคุณหลายๆคนที่คอยอยู่เคียงข้างผมในตอนนั้น และยังอยู่เคียงข้างผมในวันนี้ด้วย มีความหมายกับผมมากเลยครับ

 

CREDITS

Source: RollingStone

Thai Translation: moonoiaom

DO NOT TAKE OUT ANY PARTS OF TRANSLATION UNTIL GETTING MY PERMISSION

AND PLEASE ALSO TAKE OUT WITH FULL CREDITS

Leave a comment